เหลือเวลาอีกแค่ 2 อาทิตย์ ถึงตอนนี้คงจะฝึกเพิ่มเติมได้ไม่มากล่ะค่ะ
งั้นขนม ขออนุญาตแนะนำในแต่ละส่วน ในเรื่องเทคนิคที่ควรจะฝึกในเวลาที่จำกัดละกันนะคะ
เพราะจริงๆ IELTS 5.0 ไม่ได้ยากเลยค่ะ แต่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของคนสอบด้วยน่ะค่ะ
ปล. ข้อมูลที่เอามาแนะนำ ต้องขอขอบคุณเว็บนี้ และเว็บต่างๆที่กรุณาให้ความรู้เป็นวิทยาทานค่ะ
ส่วน listening นะคะข้อสอบการฟังให้เวลาฟัง 30 นาที และเขียนตอบลงใน Answer Sheet อีก 10 นาที่ รวม 40 นาที ข้อสอบจะมี ทั้งหมด 4 ตอน 40 ข้อ ซึ่งในแต่ละตอนจะยากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
+ ตอนที่ 1 โดยส่วนใหญ่เป็นบทสนทนาระหว่าง 2 คน ในเรื่องทั่ว ๆ ไป เช่น การนัดหมาย การจอง การสมัคร >> คำตอบส่วนใหญ่ คือ ชื่อ ที่อยู่ (สถานที่) เบอร์โทรฯ อีเมล์
+ ตอนที่ 2 โดยส่วนใหญ่เป็นการพูดคนเดียวเกี่ยวกับ ข่าว สถานการณ์ ประเด็นต่าง ๆ
+ ตอนที่ 3 โดยส่วนใหญ่เป็นการสนทนา 2-4 คน เป็นเรื่องราวทางวิชาการหรือภาวะเหตุการณ์ต่าง ๆ หรืองานวิจัย
+ ตอนที่ 4 โดยส่วนใหญ่เป็นการพูดคนเดียวเชิงวิชาการเป็นลักษณะของการบรรยาย
ข้อแนะนำนะคะ+ ฟัง (อ่าน) และทำความเข้าใจคำสั่งให้ชัดเจนว่าสั่งหรือมีข้อห้ามอะไร เช่น ห้ามเขียนเกิน 3 คน, ตอบเฉพาะตัวเลข
+ พยายามอ่านคำถามก่อน > และหา Keyword + ขีดเส้นใต้ Keyword ไว้ > และเดาคำตอบไว้ล่วงหน้า โดยใช้เวลา 30 วินาที่ ก่อนฟังให้เกิดประโยชน์ที่สุด
+ ขณะฟังให้นึกถึงสถานการณ์จริง
+ ชื่อคน ชื่อเมือง ควรเขียนตัวพิมพ์ใหญ่ หรือดูตามตัวอย่างที่มีมาให้ค่ะ
+ จับเสียงการเน้นคำของเรื่องราว โดยมากคำตอบจะเป็นการเน้นเสียงที่คำนั้น ๆ
+ ระหว่างฟังให้จดไปเรื่อย ๆ ใน keyword สำคัญ ๆ (เผื่อเอาไว้ตอบค่ะ)
+ อ่านโจทย์และสังเกตว่าคำตอบจะมาจากผู้พูดคนไหน (สนทนา) ให้ตั้งใจฟังให้มาก ๆ ขึ้น
+ สะกดให้ถูกต้อง (ถ้าเทปสะกดให้)
+ ถ้าทำไม่ทันให้ทำข้อต่อไปเลยไม่ต้องย้อนกลับมาคิดข้อที่ผ่านมา
+ เขียนตอบต้องเขียนให้อ่านออก (และต้องสะกดให้ถูกด้วย)
+ ควรเขียนตอบสไตล์ อังกฤษ เช่น Colour, 1st May, 2008 จะดีกว่าการตอบแบบ America
+ ให้ตอบทุกคำตอบ คิดไม่ออกให้ใช้ข้อมูลมาจากข้อความใกล้เคียง
+ ระหว่างที่ให้ตอบในโจทย์ และใช้ 10 นาทีในการย้ายคำตอบไป answer sheet อย่างคุ้มค่า
+ ถ้าตอบไม่ได้จริงๆ ให้ เดา เดา เดา อย่างว่างไว้เป็นอันขาด (เสียดาย)
+ให้มีสติและสมาธิ ตลอดเวลาการฟังและตอบ อย่าเหม่อ จะหลุดยาว
+ ให้อ่านศัพท์ Synonyms มาด้วย เพราะบางครั้งโจทย์กับคำตอบ คำศัพท์ต่างกันแต่ความหมายเหมือนกัน)
+ ฟังให้ดี ๆ ได้ยินแล้วอย่าตอบทันที ให้ mark เอาไว้ก่อนเพราะอาจจะมีคำตอบที่ถูก ตามมา (บ่อยมาก)
+ ให้ระมัดเรื่องเติม s ด้วย สำหรับข้อนี้ให้ดูตาม context ซึ่งอาจจะเป็น Subject หรือ Noun ซึ่งต้องสอดคล้องกัน
ส่วน Reading นะคะเรื่องที่อ่านประกอบไปด้วย 3 เรื่องด้วยกันค่ะ (3 section) ทั้งหมดมี 40 ข้อ ให้เวลาก็ 60 นาที (1 ตอน / 20 นาที) ซึ่งจะเริ่มจากเรื่องง่ายไปเรื่องยาก ลักษณะของข้อสอบจะเป็นเรื่องที่คัดลอกมาจาก บทความทางวิชาการ นิตยสาร วารสาร ตำราเรียน หนังสือพิมพ์
ข้อแนะนำนะคะ+ แบ่งเวลาให้เหมาะสม 1 เรื่อง ใช้เวลา 20 นาที (เท่านั้น)
+ ตอนทำให้ทำในกระดาษโจทย์ก่อนแล้วใช้เวลาอีก 2 นาที ลอกคำตอบใส่ answer sheet ค่ะ (18 นาทีทำ และ 2 นาทีลอกคำตอบ) เพื่อเป็นการทบทวนการตอบด้วยค่ะ
+ อ่านคำสั่งให้เข้าใจว่าสั่งว่าอย่างไร แต่ละเรื่องอาจไม่เหมือนกันในเรื่องของข้อกำหนดในการตอบ
+ อ่านชื่อเรื่องเพื่อ Scope ความคิด
+ อ่านโจทย์ก่อนแล้วขีดเส้นใต้คำสำคัญหรือ key word เพื่อให้รู้ว่าอะไรคือ สิ่งที่ต้องการหาในเนื้อเรื่อง
+ key word มักจะเป็นคำที่บอก ชื่อ สถานที่ เวลา วันเดือนปี
+ หาคำตอบจากเนื้อเรื่องอย่างรวดเร็วด้วยการใช้ key word และ Symonyms (บางครั้ง key word อาจเป็นคำต่างแต่ความหมายเดียวกันค่ะ)
+ อย่าอ่านเนื้อเรื้องทั้งหมด (ไม่ต้องเข้าใจหมด) อ่านกลับไปกลับมาได้
+ อ่านแบบ Skim เพื่อหา key word เมื่อเจอ key word ให้อ่าน scan เพื่อหาคำตอบ
+ พยายามใช้ปากกาช่วยอ่านลดการมึน (มึนจริง ๆ ค่ะ เนื้อเรื่องก็เยอะ เวลาก็น้อย .... สู้ )
+ ต้องสรุป Main Idea ของแต่ละย่อหน้าให้ได้
+ โจทย์จะถามตามลำดับเนื้อเรื่อง ไม่ถามกลับไปกลับมา ทำให้เราหาคำตอบได้ง่ายขึ้นค่ะ
+ คำตอบจะมาจากเนื้อเรื่องเท่านั้น อย่าเอามาจากที่อื่น (เพราะเขียนตอบจะผิดได้)
+ ข้อยากไว้ทำทีหลัง (อาจตัด chioce ไปหรือ เลือกข้อที่น่าสนใจไว้) แล้วกลับมาทำ
+ อย่าปล่อยว่างไว้ ให้ตอบทุกข้อ
+ ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ให้ เดา เดา และ เดา ค่ะ
+ ต้องมีสมาธิ สติ ตลอดระยะเวลาการทำ
+ ควรอ่านหนังสือพิม ฟังข่าว และดูหนัง เป็นภาคอังกฤษ
+ จำศัพท์ไว้เยอะ ๆ (เจอที่ไหนก็จดและหาคำแปลเอาไว้) อาจได้ใช้แน่ ๆ
ส่วน Writing นะคะWriting ก็เป็นอีก part หนึ่งที่ปราบเซียน ค่ะ สำหรับ part นี้ประกอบไปด้วย 2 หัวข้อในการเขียน คือ
+ การอธิบาย graph, chart, table or picture โดยให้เขียนเป็นรูปแบบรายงานไม่ต้องแสดงความคิดเห็น โดยให้มีการเปรียบเทียบความเหมือนหรือแตกต่างของตัวเลขที่แสดง หรือลักษณะที่แตกต่างอออกไป (20 นาที)
+ การเขียน Essay ถึงทัศนะคติของหัวข้อที่ได้รับ โดยใช้ประสบการณ์หรือความรู้ในได้ (40 นาที)
ข้อแนะนำนะคะ + แบ่งเวลาในการเขียนให้เหมาะสม
- เรื่องแรกอธิบายกราฟ 20 นาที แบ่งเป็น 5 นาที สำหรับวางแผน และ 13 นาที สำหรับเขียน ส่วน 2 นาทีสำหรับตรวจสอบ (สำคัญมั่ก ๆ ตรวจสอบน่ะค่ะ เพราะอาจจะเสียคะแนนไปกับเรื่องง่าย ๆ เช่น spelling ค่ะ)
- เรืองที่สองเขียน Essay แสดงทัศนคติ แบ่งเป็น 10 นาที สำหรับวางแผน และ 28 นาที สำหรับเขียน ส่วน 2 นาที สำหรับตรวจสอบ
+ อ่านโจทย์ให้รอบคอบ และขีดเส้นใต้คำสำคัญไว้ เพื่อย้ำว่ากำลังเขียนถึงเรื่องอะไร
+การอธิบายกราฟ
- อย่าพยายามเขียนทุกอย่างในกราฟ ให้เขียนแสดงความแตกต่าง น้อย
สุดมากสุด การเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด
- ใช้คำเชื่อมในการบอกประเด็น (เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่จะทำต่อไปคืออะไร)
- แนวทางเดียวกัน : In addition, Furthermore, Besides
- แตกต่างกัน : Alternatively, Whereas, On the other hand,
In comparison, However
- ทัศนคติ : In my opinion, personally speaking
- แสดงเหตุผล : Because, Therefore, As a result
- เวลา,ลำดับ : Firstly, After that, Finally, Since
- ยกตัวอย่าง : For example, For instance, In other word ,
such as
- การใช้ Tense อย่างถูกต้อง (ส่วนใหญ่ present กะ past)
- พยายามใช้คำศัพท์ให้หลากหลายเพื่อแสดงการเพิ่มขึ้นและลดลง
- Up : rise, increase, growth, reach a peak
- Down : fall, drop, decrease, decline, reach a bottom
- No change : remain the same, remain stable
- How much : rapid, sharp, slight, slow, gradual, steady
constant
- Figures : just under, nearly,just over,over
- นำคำถามมาเรียบเรียงใหม่เป็น Intro
- อย่าวิเคราะห์กราฟ ให้บรรยายหรือรายงาน
- เขียนให้มากว่าที่กำหนดเสมอ อย่าน้อยกว่าเป็นอันขาด ค่ะ
- เขียนบ่อย ๆ สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
ส่วน Speaking นะคะSpeaking มีคติประจำว่า "ทำตัวให้เหมือนคนพูดเก่ง พูดให้มากที่สุด เท่าที่จะมาได้ อย่าหยุด ถ้าผู้สัมภาษณ์ไม่บอกให้หยุด" แค่นี้ก็ได้ Band สูง ๆ แล้วค่ะ
ส่วนของการพูดประกอบด้วย 3 ส่วนย่อย ใช้เวลา ประมาณ 15 นาที
1. การแนะนำตัวและสัมภาษณ์ (4-5 นาที)
2. การพูดจากหัวข้อที่ได้รับ (เตรียม 1 นาที พูด 2 นาที)
3. การสัมภาษณ์ หัวข้อต่อเนื่องจากข้อ 2 (4-5 นาที)
ข้อแนะนำนะคะ+ ตอบให้ยาวที่สุดเท่าที่จะยาวได้
+ อย่าถามผู้สัมภาษณ์กลับ
+ ถามชื่อให้ตอบเฉพาะชื่อกับนามสกุล (ไม่ต้องใส่ My name is...)
+ ถามว่ามาจากไหน ตอบว่า Thailand
+ พูดว่า What's do you mean exactly? เมื่อไม่เข้าใจคำถาม
+ เมื่อไม่ได้ยินให้พูดว่า Sorry เท่านั้น ไม่พูด Pardon
+ ใช้เวลาในการเตรียมพูด 2 นาทีอย่างคุ้มค่า (เขียนเป็น Mild map หรือ Topic list)
+ สบตาผู้สัมภาษณ์ และอ่านริมฝีปาก
+ ยิ้มแย้มแจ่มใส
+ พูดและคิดเป็นภาษาอังกฤษ อย่างสม่ำเสมอ
+ห้ามหยุดพูดไปเลยเด็ดขาดค่ะ ขอให้คิดได้ แต่ไม่ควรเกิน 5 วินาที
ถ้าคิดไม่ออกแนะนำว่าให้แต่งเรื่องขึ้นมาเลยค่ะ แต่ต้องไม่ใช่เรื่องที่ Examiner รู็อยู่แล้วนะคะ
อย่างเรื่องประวัติศาสตร์ หรือ วัฒนธรรมนี่แต่งไม่ได้นะคะ
การประเมินการพูด :
+ ความคล่องแคล่วและประติดประต่อ : พูดไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด และมีการเชื่อมโยงที่ดี
+ การเลือกใช้ศัพท์ : เลือกศัพท์หลากหลาย และยาก
+ การเลือกใช้ไวยากรณ์และความถูกต้อง : ใช้ประโยชน์ซับซ้อนแต่เข้าใจง่าย
+ การออกเสียง : ออกเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ เน้นสูงต่ำให้ถูกต้อง และชัดเจน เช่น Computer เน้นตรง pu นะค่ะ
การทำแบบฝึกหัดและเอาตัวเองเข้าไปในสภาพแวดล้อมของการใช้ภาษามาก ๆ จะเป็นผลดีต่อการสอบมากเลยค่ะ
ยังไงก็ขอให้โชคดีในการสอบค่ะ
* ขนม *
ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ LinkbooM -
http://linkboom.bloggang.com มาณ.โอกาสนี้ค่ะ